ไส้ศึก…ทราบแล้วเปลี่ยน
August 23, 2007 Leave a comment
ความลือลั่นของแก็งค์ถั่วงอกที่ระดมปูพรมสร้างความปั่นป่วนให้กับโรงเรียนรัฐบาลที่ออกจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างทางฝั่งธนบุรีนั้น ก็เป็นไปตามแรงโน้มถ่วงความสนุกในแต่ละวัน ซึ่งโดยมากมักจบลงตรงที่การเล่นกันเลยเถิดจนลืมไปว่า นี่เราแต่งตัวหอบตำรามาเรียนหนังสือ หรือออกมาพบปะเพื่อนฝูงแล้วยืมใช้สนามฟุตบอลของโรงเรียนเป็นที่วิ่งเล่นของพวกเรากันแน่
ครับ ความเอือมระอาเกิดขึ้นกับทุกผู้อาจารย์แน่นอน หากลองไปถามถึงความรู้สึกของแต่ละท่านกัน
มีแต่ส่ายหน้ากับส่ายหน้า
อ้าว….แล้วกับความคิดปราบปรามห้องแสบเล่า ฝ่ายปกครองทำอะไรอยู่
ไม่ว่าจะมีปรากฎการณ์แสบสนิทขนาดไหน ถ้าไม่เล่นกันจนหน้ามืดไม่คิดหน้าคิดหลังใดๆ ถั่วงอกมักเอาตัวรอดได้อยู่กับการต้องพบปะเผชิญหน้ากับอาจารย์ทองปาน อาจารย์ดีกรีหัวหน้าฝ่ายปกครองของโรงเรียน หรือแม้แต่ท่านอื่นๆที่อยู่ในทีมปกครองทวีธาภิเศก
ในข้อแม้ว่า พฤติกรรมกวนตีนโรงเรียนนั้น ยังมิสามารถเอาผิดได้อย่างจริงจัง หรืออีกนัยคือ โจ่งครึ้ม นั่นเอง
ถ้าไม่นับรวมการถูกเชิญผู้ปกครองด้วยเพราะการทำผิดเกินห้ามใจ บางทีชะตาฟ้าอาจส่งให้โชคยังเข้าข้างพวกเขาอยู่บ้างในบางจังหวะ เหมือนเหตุการณ์รอดพ้นการจับกุมระเบิดดอกไม้ไฟล๊อตใหญ่เมื่อครั้งสัปดาห์ลอยกระทง หรือ อาจเป็นเพราะฝ่ายปกครองเองยังคงอ่อนหัดเกินไปไม่อาจเทียบชั้นหรือรู้เทียมทันกับเล่ห์เหลี่ยมของฝูงถั่วงอกแสบสองสอง อันนี้ก็อาจพอเป็นได้
ซึ่งมันก็พูดยากอยู่กับการเฉือนความตายในเวลาที่ผ่านมา
แต่ถ้าจะให้ลองหาสาเหตุสักอย่างมาช่วยสนับสนุนคำตอบที่ว่า ทำไมฝ่ายปกครองถึงยังไล่ไม่ทันแก็งค์แสบละก็
ในสมรภูมิรบ ไส้ศึกสำคัญเยี่ยงใด
การรู้เขารู้เรา ที่รบร้อยครั้งก็ชนะซะทุกครั้ง มันก็สำคัญเยี่ยงนั้น
…………………………….
“วอ. หนึ่งเรียก วอ.สอง เปลี่ยน”
“วอ.สอง ทราบ เปลี่ยน”
“ขณะนี้มีรายงานมาว่า พบนักเรียนกระทำผิดโดยการเล่นการพนันอยู่บนชั้นห้า ตึกสอง ฝ่ายปกครองกำลังจะขึ้นไป ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายเฝ้าดูลาดเลาของผู้กระทำผิดอย่าให้คลาดสายตา เปลี่ยน”
“รับทราบ เปลี่ยน”
“เอ้า…พวกมึงได้ยินกันแล้วใช่มั๊ย” เสียงเจ้าของวอมือถือร้องบอกวงปั่นแปะถั่วงอกที่กำลังออกรสชาติอย่างเข้มข้น เมื่อคราวที่ทั้งคนสองสองและนักเรียนจากห้องเรียนอื่นต่างก็มารุมล้อมโก๋โน เจ้าพ่อคาสิโน ในการทำธุรกรรมการพนันร่วมกันในแบบฉบับอันคุ้นเคยในเวลาหลังเลิกเรียนของพวกเขา
รสชาติแห่งการได้เสียกำลังจะทวีความเข้มข้นมากขึ้นอีกแน่ หากไม่มีเสียงวอ ทราบแล้วเปลี่ยน จากกลุ่มวิทยุสมัครเล่นของโรงเรียนทวีธาดังขึ้นมาซะก่อนในห้องเรียนที่บัดนั้นได้แปรเปลี่ยนไปเป็นสถานคาสิโนชั่วคราว ซึ่งไอ้เสียงดังจากวิทยุมือถือที่พอฟังจับใจความจนล่วงรู้ถึงเจ้าของเสียงที่วอมาตามสายนั้น ชัดเจนเหลือเกินว่าเจ้าของเสียงเข้มอันนั้นเป็นอาจารย์ทองปาน ที่ขณะนั้นน้ำหนักของเสียงกำลังออกลูกมั่นใจอย่างแรงให้กับการแกะรอยผู้กระทำความผิดได้สำเร็จ หากแต่ว่าเสียงที่ส่งตามสายอันมาจากแกนั้น หาได้เป็นสัญญาณลับเฉพาะสำหรับทีมแกะรอยอย่างเดียวนะสิ เพราะเสียงปฎิบัติการแผนการจับกุมในวันนั้น มันดันส่งมายังหนึ่งในวอมือถือของสมาชิกวิทยุสมัครเล่นโรงเรียนทวีธาคนหนึ่ง ที่กำลังยืนคุมเชิงอยู่หน้าวงปั่นแปะพร้อมลุ้นผลของการปั่นหมุนเหรียญตาสุดท้ายตานั้นอยู่ด้วยพอดี
ครับ…สมาชิกวิทยุสมัครเล่น มีภาระหน้าที่หลักคือ การช่วยสอดส่องดูแลความเรียบร้อยและคอยเป็นหูเป็นตาให้กับอาจารย์ฝ่ายปกครอง
อ้าว…แล้วทำไม สมุนของฝ่ายปกครองจึงมายืนนวยนาด เป็นหน่วยเฝ้าระวังจนถึงร่วมกระทำความผิดอยู่กับห้องกวนสองสองอยู่ละ
ครับ คำตอบง่ายๆของคำถามนี้ คือ คนคนนั้น เป็นมนุษย์ที่มีชื่อและเลขทะเบียนร่ำเรียนอยู่ในห้องเรียนสองสองเหมือนกับถั่วงอกคนอื่นๆที่กำลังลุ้นเสียวกับการปั่นเหรียญงวดสุดท้ายก่อนจะเกิดการแยกย้ายสลายโต๋เข้ากลีบเมฆกันไปนั่นเอง
นายประณต หรือ ไอ้ดิว คือเพื่อนที่กำลังจะถูกพูดถึงครับ
ไอ้ดิว เป็นเพื่อนตัวเล็กและบอบบาง ที่มีลักษณะโดดเด่นแต่กำเนิดมาคือ หัวที่มีรูขุมขนเริ่มต้นทางด้านหน้าเป็นรูแรกก็ปาเข้าไปเกือบจะกลางกบาลแล้ว หากในเวลานั้นการไว้ผมทรงฮิตอย่างในหนังกำลังภายในหวงเฟยหงได้รับความนิยมจนถึงขั้นอนุญาตให้เป็นทรงผมนักเรียนได้แล้วละก็ ไอ้ดิวจะไม่มีปัญหาใดๆเลยในการต้องโกนผมด้านหน้าครึ่งกบาลทิ้งไปแล้วไว้ผมยาวเพื่อรวบตึงเป็นเปียอยู่ข้างหลังตามแบบทรงผมของชาวแมนจูทั้งหลายเฉกเช่นหนังกำลังภายในเรื่องดังเรื่องนั้น ซึ่งเมื่อตำแหน่งเส้นขนบนกบาลเป็นปมเด่นซะขนาดนั้นแล้ว ไอ้การที่เราสองสองจะเรียก ไอ้เถิก ให้เป็นอีกชื่อหนึ่งในห้องถั่วงอกจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นักสำหรับโก๋ดิว
โก๋ดิว หรือ ไอ้เถิก หากจะให้นึกถึงคาแรกเตอร์โดดเด่นในห้องเรียนถั่วงอกแล้วละก็ น่าจะเป็นภาพของเพื่อนต้นหน คนดูต้นทางแห่งห้องสองสองซะมากกว่า เพราะด้วยอุปนิสัยความใส่ใจในการเฝ้าระวังภัยต่างๆโดยการจ้องมองอยู่ด้านหน้าห้องเรียนทุกขณะเวลานั้น ทำให้ยามใดที่มีเรื่องราวความเคลื่อนไหวอะไรก็ได้จากนอกห้องเรียน ก็มักจะเป็นโก๋ดิวนี่แหละ ที่จะเป็นคนแรกที่รับรู้จนถึงแบ่งปันกระจายข่าวเข้าสู่พวกหัวโจกตัวแสบเข้าให้อีกที
และยิ่งเมื่อเก้าอี้ตัวแรกริมประตูทางเข้าห้องเรียน ถูกจับจองให้เป็นที่เรียนหนังสือและจุดชมต้นทางสำหรับนักเรียนหัวเถิกแห่งห้องสองสองแล้ว มันจึงเหมือนเป็นการต่อยอดนิสัยรักการสอดส่องดูแล เป็นหูเป็นตาให้กับเพื่อนร่วมห้องในเวลาระยะที่ผ่านมาโดยตลอด ซึ่งนี่กระมังที่ทำให้โก๋ดิวมีคุณสมบัติเพียงพอที่สามารถพาตนและนิสัยสอดส่องของมันเข้าไปเป็นสมาชิกกลุ่มวิทยุสมัครเล่นของโรงเรียนกับเขาได้
ซึ่งไอ้การที่โก๋ดิวได้เป็นสมาชิกกลุ่มวิทยุสมัครเล่นของทวีธานั้น นอกจากความโก้หรูภูมิใจส่วนตัวของมัน กับการเป็นนักเรียนระดับม.ปลายแต่กลับมีอุปกรณ์สื่อสารทันสมัยแล้วในยุคนั้นของโรงเรียนไว้ถือเป็นเฟอร์นิเจอร์สมบัติส่วนตัวแบบเท่ห์ๆแล้ว มันก็ยังส่งผลกระทบเต็มๆในทางบวกกับแก็งค์กวนสองสองอย่างขึ้นมาเฉยอีกครับ
เพราะโดยปกติทั่วไป ยามเปิดบ่อนคาสิโนขึ้นมา ก่อนจะมีชมรมวิทยุสมัครเล่นนั้น โก๋ดิวก็มักจะยืนคอยตะโกนบอกถึงภาวะเสี่ยงยามเห็นอาจารย์ท่านใดกำลังจะเยื้องย่างกรายเข้ามาอยู่แล้ว
“เฮ้ย…พ่อมึงกำลังมาแล้ววะ”
“เฮ้ย…เฮ้ย….เก็บก่อน เก็บก่อน”
แต่นี่ ติดระบบสื่อสารโดยตรงกับฝ่ายปกครองเข้าไปด้วยอีก ดังนั้นข่าวอัพเดตใดๆในการเคลื่อนไหวของฝ่ายปกครองที่ส่งเสียงสัญญาณมาตามการสื่อสารแบบทราบแล้วเปลี่ยน จึงเป็นอันไม่พลาดการติดต่อแน่เมื่อวิทยุวอสมัครเล่นอันนั้นอยู่ในการครอบครองของโก๋ดิว ซึ่งอีกความหมายก็คือการเป็นอุปกรณ์ของเล่นส่วนรวมของชาวแก็งค์ถั่วงอกด้วย
ซึ่ง หากจะบอกว่า เอ๊ะ นี่..โก๋ดิวเลือกที่จะหักหลังฝ่ายปกครองโรงเรียน แล้วเห็นดีกับการมีมิตรภาพเพื่อนพ้องกับชาวถั่วงอกแล้วนั้น
ไม่ถูกครับ
เพราะกับการที่ต้องมีชีวิตอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ถั่วงอก ผู้ที่ซึ่งรักความสนุกดั่งชิวิตจิตใจด้วยแล้ว หากใครคนไหนมันบกพร่องไปซึ่งการให้ความร่วมมือในการทำธุรกรรมความสนุกนั้น การครองชีพอยู่ร่วมกันในอาณาเขตห้องสองสองก็อาจเป็นเรื่องที่ยากลำบากได้อยู่ ถ้ามันผู้นั้นมิได้มีจิตที่คิดจะใช้ชีวิตควบคู่ไปกับความสนุกอันเหลือเฟือของเหล่าแก็งค์กวนพวกนั้นได้
เรื่องนี้ อีแบะ ตุ๊ดอวบคนนั้น ที่ต้องจรลีหนีไปศึกษาต่อกลางคันยังสถานศึกษาอื่น คือ ตัวอย่างอันชัดเจน
เป็นเยี่ยงนั้น มันจึงทำให้นิยามของคนใช้ชีวิตในห้องสองสอง จำเป็นต้องจำใจให้เป็นไปแบบ ต่อต้านไม่ได้ก็ต้องเข้าร่วมไปกับพวกมัน
กรณี โก๋ดิวจึงไม่เหลือทางเลือกอื่นใด หากยังอยากที่จะศึกษาต่อยังสถานที่เดิมกับมิตรสหายคนเดิมๆอยู่
ดังนั้นแล้วเพื่อรักษาสถานภาพในการเป็นนักเรียนสองสองต่อ โก๋ดิวในฐานะหน่วยวิทยุสมัครเล่นของโรงเรียน จึงต้องทำตัวให้เป็นที่รักของเพื่อนๆด้วยการล้อมวงเล่นปั่นแปะร่วมกับบรรดาเพื่อนแสบทุกคน พร้อมๆไปกับการมีวิทยุมือถือไว้ในกำมือ
เข้าใจแล้วใช่มั๊ยครับ คำว่าต่อต้านไม่ได้ก็ต้องเข้าร่วม
กลับมาที่ การตามล่าของฝ่ายปกครองกันต่อ
ครับ…เมื่ออาจารย์ทองปาน แกแน่ใจแล้วว่า การชุมนุมสร้างความผิดในการเล่นการพนันอยู่ที่นี่แล้ว การสาวเท้าเข้าใกล้บ่อนคาสิโนด้วยความเงียบเฉียบ จึงเป็นสิ่งที่แกเตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อผลงานชิ้นโบว์แดงในการทลายบ่อนคาสิโนอันลือลั่นให้ได้
และยิ่งเมื่อจ่อถึงห้องเรียนที่คาดว่า น่าจะใช่
บทลงโทษที่อยู่ในสมองก่อนการปรากฏตัวต่อหน้านักเรียนแสบ ยิ่งตอกย้ำเพิ่มขึ้นอีกว่า งานนี้ ห้องสองสอง ผู้ปกครองยกชั้น
แต่จนเมื่อ สองสายตาที่เพ่งผ่านกรอบแว่นตากับใบหน้าอารมณ์เข้ม ชะโงกผ่านเข้าไปยังห้องที่สายวิทยุสมัครเล่นรายงานเข้ามานั่นแหละครับ
………………………….
……………………………
…………………………….
ถ้าโรงเรียนทวีธาในยามนั้นมีจิ้งหรีดร้อง อาจารย์แกก็คงจะได้คุ้นเคยกับแมลงชนิดนี้บ่อยครั้งมากในช่วงเวลานั้น
ความวังเวงมาเยือนอาจารย์ในทุกครั้งที่แกปรากฏตัวเพื่อทำการจับกุม
………………………
………………………..
………………………….
“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก”
อารมณ์เดียวกันเลยครับกับการติดต่อสื่อสารที่ไม่เป็นไปดั่งใจ เฉกเช่นท่านอาจารย์ทองปานกับความคาดหวังในการจับกุมบ่อนคาสิโนของชาวสองสอง
เพราะป่านนั้น กว่าที่ท่านอาจารย์จะปรากฏตัว การเคลียร์สะตุ้งสะตังค์ในการปั่นเหรียญเสี่ยงทายในตาสุดท้ายก็ได้สิ้นสุดลงไปซะนานแสนนานโขแล้ว จนคนสองสองและหรืออาจจะนักเรียนห้องอื่น ก็คงได้ลงไปเดินเล่นฉุยฉายยังสถานที่ตรงกันข้ามมุมโลกกับอาจารย์ปกครองเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ
มันว่องไวสลายโต๋กันซะจน พวกสอดแนมเฝ้าดูลาดเลาลูกมือฝ่ายปกครอง ยังวอรายงานกันไม่ทัน
ซึ่งมันก็มิใช่เพียงแค่ครั้งเดียว ที่บรรยากาศอันชวนให้มีเสียงจิ้งหรีดร้องจะเกิดขึ้นกับอาจารย์ทองปาน
คิดดูสิครับว่า ถั่วงอกเล่นพนันกันก็ออกจะทุกวี่ทุกวัน การพยายามตามจับก็มีมาอยู่ทุกวี่ทุกวันเหมือนกัน แต่ทำไมสองเรื่องนี้ ไม่เคยบรรจบได้เจอกันเลยสักวัน
จะอะไรซะอีกละครับ ถ้าไม่ใช่คำว่า ไส้ศึกหัวเถิก
หากฝ่ายปกครองเช็คประวัติที่มาห้องเรียนของเด็กชายเส้นผมครึ่งกบาล ก่อนการตกลงรับให้เป็นสมาชิกในกลุ่มวิทยุมือถือสมัครเล่นของโรงเรียน สักนิด
เรื่องยุ่งยากกวนใจอาจารย์ทองปานก็คงไม่ยืดยาวซะขนาดนั้น
และป่านนั้น คาสิโนสองสอง คงบ่อนแตกไปนานแล้วครับ
…..ทราบแล้วเปลี่ยน
ปัจจุบัน เพื่อนหัวเถิก จอมสอดแนม แต่งงานแล้ว มีบุตร ธิดาหรือเปล่า ยังไม่รู้ รู้เพียงว่าหลังจากห่างหายกันไปซะนาน ครั้งหนึ่งผมเคยเปิดหนังสือเกี่ยวกับยานยนต์ฉบับหนึ่ง แล้วบังเอิญ เห็นภาพโก๋ดิวยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าบริษัทโตโยต้า ประเทศไทย พร้อมตัวหนังสือด้านบนตัวใหญ่อ่านได้ใจความว่า คุยกับคนเก่ง และ ยังปรากฎข้อความภายใต้ภาพมนุษย์หัวเถิกหน้าคุ้นๆ ที่ยังอ่านได้ว่า ประณต กุลเสวต หัวหน้าแผนกขาย
ประณต กุลเสวต นักเรียนคนที่ 34 ห้อง 22 ทวีธา’97
พริ้วไหวดั่งสายน้ำ
23 สิงหาคม 2550